"บีทีเอส" แจงผู้โดยสาร เหตุใช้ เครื่องตรวจจับโลหะ สุ่มตรวจสัมภาระ

"บีทีเอส" แจงผู้โดยสาร เหตุใช้ เครื่องตรวจจับโลหะ สุ่มตรวจสัมภาระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีที เอสอย่างกว้างขวาง กรณีถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสัมภาระภายหลังผู้โดยสารเดินผ่านประตูอัตโนมัติ เพื่อขึ้นชานชาลา ทั้งนี้ ผู้โดยสารได้ตั้งข้อสังเกตถึงแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อาทิ ไม่ใช้เครื่องสแกนหาวัตถุอันตรายแบบระบบรถไฟฟ้าใต้ดินหรือท่าอากาศยาน การเรียกผู้โดยสารตรวจสัมภาระเป็นการสุ่มตรวจหรือตรวจทุกคน วิธีการรื้อค้นสัมภาระ โดยเฉพาะในกลุ่มนักเดินทางแบ๊กแพคที่หลายครั้งสัมภาระถูกค้นกระจัดกระจาย ทำให้เสียเวลาในการเดินทาง เป็นต้น

นายอาณัติ อาภาภิรม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี กล่าวว่า บีทีเอสมีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยหลังจากเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นใน พื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยด้วยการขอความร่วมมือผู้โดยสารในการสุ่มตรวจ กระเป๋า โดยทุกสถานีจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตั้งจุดตรวจบริเวณทางเข้า ซึ่งจะสุ่มตรวจผู้โดยสารบางรายเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ที่มีกระเป๋าเดินทางหรือกระเป๋าสะพาย เนื่องจากกังวลว่าจะมีการพกพาวัตถุต้องสงสัยแล้วจะนำไปวางไว้ที่สถานี

"วิธีดังกล่าวถือเป็นการป้องกันการเกิดเหตุความรุนแรง จึงขอให้ผู้โดยสารเข้าใจว่าสิ่งที่บีทีเอสดำเนินการนั้นก็เพื่อความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม การสุ่มตรวจดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางรักษาความปลอดภัยเช่นเดียวกับรถไฟฟ้าใต้ ดิน ที่ถึงแม้ว่าจะมี เครื่องตรวจจับโลหะ แบบเดินผ่าน แต่รถไฟฟ้าใต้ดินก็ใช้วิธีสุ่มตรวจกระเป๋าผู้โดยสารบางรายเช่นกัน" นายอาณัติ กล่าวและว่า นอกจากนี้ บีทีเอสยังได้เข้มงวดการออกตรวจจุดอับตลอดเวลา และติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) เพิ่มเติมเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัย พร้อมกับประสานการทำงานกับฝ่ายความมั่นคง ซึ่งบางสถานีจะมีกองอำนวยการฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจตั้งอยู่เพื่อ เฝ้าระวังเหตุและสุ่มตรวจสัมภาระผู้โดยสารด้วย


นสพ.มติชนรายวัน


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1456921970