เครื่องตรวจจับโลหะ

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

IS อาจไม่ได้อยู่เบื้องหลัง เที่ยวบิน MS804 ตก

เครื่องตรวจจับโลหะ

จนถึงขณะนี้ หลายฝ่ายมองตรงกันว่า MS804 น่าจะตกจากการก่อวินาศกรรม แต่กลุ่มก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังอาจจะไม่ใช่ IS อย่างที่คิด เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่บ่งชี้ว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของ IS

แม้ว่าจนถึงขณะนี้จะยังไม่มีข้อมูลมากพอจะสรุปได้ว่าอะไรคือสาเหตุการตกของเที่ยวบิน MS804 ของอียิปต์แอร์ แต่หลักฐานแวดล้อมหลายประการบ่งชี้ว่านี่เป็นการก่อการร้ายมากกว่าอุบัติเหตุ ตั้งแต่ข้อมูลจากทางการกรีซ ที่ระบุว่าเครื่องบินหักเลี้ยวกะทันหันถึง 2 ครั้งและลดระดับเพดานบินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายไปจากจอเรดาร์ รวมถึงการที่ไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือหรือแจ้งความผิดปกติใดๆ จากนักบิน

ทั้งหมดนี้ ทำให้สรุปได้ว่าเครื่องประสบเหตุร้ายแรงกะทันหันจนนักบินไม่ทันตั้งตัว และน่าจะระเบิดกลางอากาศ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่าไม่มีเหตุขัดข้องทางเทคนิคใดที่ร้ายแรงพอจะทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ นอกจากการถูกวางระเบิด

การที่เมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้าย IS เพิ่งระเบิดเครื่องบินเมโทรเจ็ทของรัสเซียในอียิปต์ ทำให้หลายฝ่ายปักใจเชื่อว่ากรณีของ MS804 เป็นฝีมือของ IS เช่นเดียวกัน แต่ปัจจัยหลายอย่างบ่งชี้ว่ากรณีนี้ไม่เหมือนปฏิบัติการของ IS ที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่มีทั้งการประกาศแสดงความรับผิดชอบว่าอยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรม และไม่มีกระแสชื่นชมในโลกออนไลน์จากฝ่ายที่สนับสนุน IS

แต่หากไม่ใช่ IS จะมีกลุ่มใดที่มีศักยภาพในการก่อการร้ายได้ถึงระดับนี้ คำตอบก็คือกลุ่มคู่แข่งของ IS อย่าง AQAP หรืออัลกออิดะห์แห่งเยเมน ที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มที่โหดเหี้ยมและหัวสุดโต่งกว่าอัลกออิดะห์สาขาใหญ่ นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว แมกกาซีนของกลุ่มยังอ้างว่าสามารถผลิตระเบิดที่ไม่ใช้โลหะ เพื่อให้ผ่าน เครื่องตรวจจับโลหะ ในสนามบินได้แล้ว ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า MS804 อาจจะเป็นผลงานเปิดตัวของ AQAP ในระดับโลก

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเหตุเครื่องบินตกครั้งล่าสุดนี้จะเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใด การที่นานาชาติต่างแสดงความเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย ก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวลอย่างยิ่ง นั่นก็คือโลกเราได้เดินทางมาถึงยุคที่โศกนาฏกรรมทางการบิน มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากการก่อการร้ายมากกว่าเหตุขัดข้องทางเทคนิคไปแล้ว

ที่มา: VoiceTV


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://news.sanook.com/1998762/

โอ้โห!! วินาทีเด็กหนีตายเหตุ ไฟไหม้ เวียงป่าเป้า โดดออกทางหน้าต่างก่อนเสียชีวิตดับ 17 ศพ

ไฟไหม้ เวียงป่าเป้า

นักเรียน ร.ร.พิทักษ์เกียรติวิทยา เล่านาทีหนีตาย โรยตัวออกทางหน้าต่าง !

สลด ! ไฟไหม้ เวียงป่าเป้า หอพักนักเรียน ร.ร.พิทักษ์เกียรติวิทยา จ.เชียงราย เสียชีวิต 17 ราย สูญหาย 1 เจ็บ 5 สาหัส 1 เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ

เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้หอพักนักเรียนหญิง โรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงป่าเป้า กู้ภัย รุดที่เกิดเหตุ พบไฟได้ไหม้ลุกลามหอพักเสียหายทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ใช้รถน้ำ 3 คัน เร่งฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงได้ ล่าสุดสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว โดยจากการตรวจสอบพบเด็กนักเรียนหญิงเสียชีวิต 17 ราย สูญหายอีก 1 ราย บาดเจ็บ 5 ราย สาหัส 1 ราย ส่วนรายละเอียดเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะที่ ทางเพจโพสต์เฟชบุ๊ค ของโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา เวียงป่าเป้า ได้ประกาศหยุดเรียน ตั้งแต่วันที่ 23 – 27 พ.ค.2559

ทางด้าน นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ นายอำเภอเวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เปิดเผยหลังเกิดเหตุ ไฟไหม้ เวียงป่าเป้า ร.ร.พิทักษ์เกียรติวิทยา มีเด็กนักเรียนระหว่างอายุ 5 – 12 ปี เสียชีวิต 17 ราย สูญหาย 1 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ค. 59) ตนและคณะจะลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบว่าสาเหตุมาจากอะไร เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ค่อนข้างสะเทือนใจ ประกอบกับมีเด็กเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนหญิงล้วน เบื้องต้นสามารถดับเพลิงได้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนที่มาที่ไปโดยด่วน

จากการตรวจสอบพบว่า ไฟโหมลุกไหม้ที่ชั้นล่างของบ้านอย่างหนักจนข้าวของต่าง ๆ ไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด ส่วนด้านบนเสียหายบางส่วนและที่หน้าต่างของห้องด้านหน้ามีการพาดบันไดอะลูมิเนียมไว้เกือบพ้นชั้นแรกและด้านบนมีผ้าสีฟ้าที่ถูกนำมามัดเป็นเชือกยาวเพื่อการโรยตัว 1 ชุด ส่วนเด็กที่เสียชีวิตได้นำศพเก็บไว้ที่โรงพยาบาลแม่สรวยหมดแล้ว ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลแม่สรวยและบางส่วนส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เบื้องต้นทั้งหมดปลอดภัย

ไฟไหม้ เวียงป่าเป้า

ด้าน ด.ญ.สุชาดา อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุตนออกจากห้องนอนเพื่อจะไปยังห้องน้ำและสังเกตเห็นไฟลุกไหม้ที่ชั้นล่างอย่างหนัก จึงวิ่งไปบอกเพื่อน ๆ ที่นอนกันอยู่แต่ส่วนใหญ่กลับไม่เชื่อและพากันปิดประตูห้องและเข้านอนต่อ ส่วนพวกที่เชื่อก็พากันวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ตนและเพื่อนจึงจำวิชาลูกเสือเนตรนารีที่ครูสอนด้วยการนำผ้ามามัดเป็นเชือกยาวแล้วโรยตัวลงมาโดยมีครูผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันช่วยเหลือ เมื่อแต่ละคนโรยตัวลงมาแล้วถึงช่วงที่ครูจะลงปรากฏว่าเชือกขาดทำให้ครูตกลงไปขาและเอวได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนที่เหลือเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไม่ออกจากห้องกัน

สำหรับโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา ตั้งอยู่บนเนื้อที่ของมูลนิธิประมาณ 20 กว่าไร่ โดยภายในมีอาคารกินนอนสำหรับเด็กทั้งชายและหญิงจำนวน 2 อาคารใกล้กัน และมีโรงเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1 จนถึงประถมศึกษาตอนปลาย ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมดจำนวน 420 คน มีครูจำนวน 11 คน และเจ้าหน้าที่ภายในอีก 4 คน ที่ผ่านมาได้รับเด็กที่มีฐานะยากจนและด้อยโอกาสทางการศึกษา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ตามปกติจะมีนักเรียนหญิงพักอยู่ในอาคารหญิงดังกล่าวจำนวน 38 คน นอนห้องละ 7-8 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษาเพราะโรงเรียนเน้นให้พักอยู่ด้วยเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือกันระหว่างเด็กโตและเด็กเล็ก บนอาคารมีอาจารย์หญิงนอนด้วย 1-3 คนและแม่บ้านอยู่ชั้นล่างอีก 1 คน แต่ช่วงเกิดเหตุเป็นวันหยุดวันอาทิตย์จึงเหลือครูหญิงนอนพักกับเด็กเพียง 1 คน และแม่บ้าน 1 คน และก่อนจะเกิดเพลิงไหม้แม่บ้านได้เตรียมเสื้อผ้าสำหรับเตรียมให้นักเรียนใส่ช่วงเช้าวันจันทร์กองไว้เป็นกองๆ ที่ด้านล่าง จากนั้นได้ขอไปรับประทานอาหารที่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากมูลนิธิมากนักก่อนที่ไฟจะลุกไหม้ที่ชั้นล่างอย่างหนัก ซึ่งทางโรงเรียนก็ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรเพราะมีระบบป้องกันอัคคีภัย ตัดไฟหรือเซฟทีคัตเอาไว้หมด ทำให้เด็กด้านบนลงมาไม่ได้และครูหญิงก็ช่วยเด็กอย่างเต็มความสามารถแล้วโดยนำเด็กโรยตัวลงมาจากทางหน้าต่างจนแม้แต่ตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บแทบไม่รอดชีวิต

ที่มา : INN , มติชนออนไลน์


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://news.mthai.com/hot-news/general-news/496423.html

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สนามบินดอนเมือง แจง ปมผู้โดยสารนำถังแก๊สขึ้นเครื่องบิน

เครื่องตรวจจับโลหะ

(27 เม.ย.) จากกรณีผู้โดยสารที่ใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองรายหนึ่ง โพสต์ข้อความว่าพบชายคนหนึ่งพกพาถังแก๊สขนาดเล็กใส่กระเป๋าเดินทางเข้าไปในสนามบินดอนเมือง เพื่อจะเดินทางขึ้นเครื่องบินไปยัง จ.ภูเก็ต แต่ระหว่างผ่าน เครื่องตรวจจับโลหะ และวัตถุอันตรายที่ ประตู 74 เครื่องส่งสัญญาณเตือน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเปิดออกดูและพบว่ามีถังแก๊สอยู่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้โดยสาร จึงตั้งคำถามว่าเหตุใดวัตถุต้องห้ามจึงผ่านมาได้จนถึงประตู 74 ได้

ล่าสุด เฟซบุ๊ก AOT Official ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงว่า...

"ตามที่มีสมาชิก Facebook ใช้นามว่า NooNuchy PS ลงข้อความพร้อมรูปภาพระบุว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 59 เวลาประมาณ 17:00 น. ขณะที่ตนเองกำลังรอขึ้นเครื่องอยู่บริเวณทางออกขึ้นเครื่องหมายเลข 74 (Bus Gate) ได้มีเจ้าหน้าที่ ทอท.และเจ้าหน้าที่สายการบินนำกระเป๋ามาให้ผู้โดยสารเปิดกระเป๋าและนำสิ่งของออกจากกระเป๋า ซึ่งตนเองสังเกตเห็นว่าเป็นถังแก๊สขนาดประมาณ 1 ฟุตจึงเกิดข้อสงสัยในกระบวนการตรวตค้นสัมภาระผู้โดยสาร ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.)นั้น

ทดม. ได้ดำเนินการตรวจสอบโดยละเอียดแล้วทราบว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 59 เวลา 16:40 น. นายประกอบ ใจเที่ยง ได้นำกระเป๋าสัมภาระมาทำการตรวจบัตรโดยสารของสายการบินไทยไลอ้อน แอร์ เที่ยวบินที SL762 ปลายทางท่าอากาศยานภูเก็ต หลังจากที่นายประกอบฯ ได้ดำเนินการตรวจบัตรโดยสารบริเวณเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ แล้วกระเป๋าของนายประกอบ ฯ ได้ผ่านเข้าสู่ระบบ X-Ray กระเป๋าแบบ inline screening ผ่านเครื่อง EDS และพนักงานตรวจค้นสัมภาระสังเกตเห็นลักษณะคล้ายถังแก๊สหรือถังออกซิเจน จึงประกาศตามหาผู้โดยสารบริเวณท้ายเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารแต่ไม่พบเนื่องจากผู้โดยสารไม่ได้อยู่รอ

ผลการตรวจกระเป๋าสัมภาระตามที่พนักงานแจ้งไว้ เจ้าหน้าที่ตรวจค้น, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทดม.และเจ้าหน้าที่สายการบินไทยไลอ้อน แอร์ จึงได้ปฎิบัติตามขั้นตอนมาตรฐานการปฎิบัติงาน (Standard Operation Procedures: SOP) โดยนำกระเป๋าใบดังกล่าวไปให้ผู้โดยสารเปิดบริเวณทางออกขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก 30 นาทีเพื่อแจ้งให้ผู้โดยสารแสดงความเป็นเจ้าของกระเป๋าและนำวัตถุต้องห้ามออกจากกระเป๋า

เมื่อผู้โดยสารนำสิ่งของต้องห้ามออกมาจึงพบว่าเป็นถังแก๊สนำ้หนัก 13.6 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ ทดม.จึงแจ้งกับผู้โดยสารว่าถังแก๊สเป็นวัตถุต้องห้ามนำขึ้นอากาศยานโดยเด็ดขาด ต่อมาผู้โดยสารแจ้งว่ามีความประสงค์ต้องการนำถังแก๊สดังกล่าวติดตัวไปด้วยเพื่อเป็นอุปกรณ์การทำงานที่ จ.ภูเก็ต จึงขอยกเลิกการเดินทาง

ทดม.ขอยืนยันว่ากระเป๋าสัมภาระใบดังกล่าวไม่ได้มีการหลุดตรวจของเครื่อง X-Ray ณ ทดม.หรือเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดหากแต่เป็นการปฏิบัตตาม SOP ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ทดม.ใคร่ขอเน้นย้ำให้ผู้โดยสารที่ทำการตรวจบัตรโดยสารบริเวณอาคารผู้โดยสาร อาคาร 2 กรุณารอผลการตรวจกระเป๋าสัมภาระของท่านก่อนเดินเข้าไปยังทางออกประตูขึ้นเครื่องเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระเป๋าของท่านไม่มีวัตถุต้องห้ามขึ้นเครื่องต่อไป"


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://news.sanook.com/1986794/

ชายคนนี้ดวงดีถูก ลอตเตอรี่ 24 ล้านบาท เพียงเพราะทำสิ่งนี้เอง.. เรียกว่าบุญหล่นทับจริงๆ !?

ลอตเตอรี่

พ่อค้า ลอตเตอรี่ ชาว จ.เลย บุญหล่นทับขายไม่หมดถูกรางวัลที่ และรางวัลใกล้เคียงกว่า 24 ล้านบาท

(16 พ.ค.) เมื่อเวลา 19.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า นายรัง บุญกุ อายุ 36 ปี ชาวบ้าน อ.ภูหลวง จ.เลย ซึ่งมีอาชีพขาย ลอตเตอรี่ อยู่ที่จังหวัดนนทบุรี งวดวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาขาย ลอตเตอรี่ ไม่หมด เมื่อตรวจสอบพบว่า ลอตเตอรี่ ที่เหลืออยู่นั้น ถูกรางวัลที่ 1 เลข 141737 จำนวน 4 ใบ เป็นเงิน 24 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังถูกรางวัลข้างเคียงเลข 141738 อีก 6 ใบ เป็นเงิน 300,000 บาท รวมทั้งหมด 24,300,000 บาท ล่าสุด นายรัง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พงส.สภ.นนทบุรี ไว้เพื่อเป็นหลักฐานแล้ว


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://news.sanook.com/1996582/

โจรใต้ฝังระเบิด80กก.ใต้ดิน เจ้าหน้าที่รู้ทันยิงทำลายทิ้ง

เครื่องตรวจจับโลหะ

ชุดเก็บกู้ระเบิด นปพ.นราธิวาส รู้แกวโจรใต้! หลังคนร้ายซ้อนแผน ลวง จนท.เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หวังจะกดบึ้มสังหาร แต่สุดท้ายพลาดท่า จนท.ใช้ เครื่องตรวจจับโลหะ จนพบระเบิดแสวงเครื่องหนัก 80 กก.ฝังอยู่ใต้ดิน จึงทำลายทิ้ง โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เครื่องตรวจจับโลหะ

กรณีเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา โจรใต้ลอบวางระเบิดเสาไฟภายในหมู่บ้านทำนบ หมู่ 1ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จนได้รับความเสียหายไป 1ต้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ร.ต.ท.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน10จ.ยะลา นำกำลังลงพื้นที่ไปตรวจสอบ กระทั่งพบจุดที่คนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้อีกลูก เพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ไหวตัวทันเสียก่อนจึงใช้ เครื่องตรวจจับโลหะ ปรากฏว่ามีวัตถุต้องสงสัยฝังอยู่ในดินจึงกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ ก่อนใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงยิงทำลายระเบิดดังกล่าว ต่อมาตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้มต้ม หนัก80ก.ก.จุดชนวนด้วยการลากสายไฟเข้าไปในป่า แต่เจ้าหน้าที่ไม่พบตัวจุดชนวนแต่อย่างใด ซึ่งการทำร้ายระเบิดดังกล่าวทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.dailynews.co.th/regional/394909

งานเข้า..ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว หลังพระ ธัมมชโย ทำแบบนี้!?

ธัมมชโย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (17 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นำพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลอาญารัชดา เพื่อขอหมายจับ พระ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ข้อหาสมคบกันฟอกเงิน หลังจากทนายความพระ ธัมมชโย ขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหา เป็นครั้งที่ 2 โดยอ้างอาการอาพาธ

ล่าสุด เมื่อเวลา 18.21 น. นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวะกุล และคณะ เปิดเผยว่า ศาลได้มีคำสั่งอนุมัติหมายจับพระ ธัมมชโย โดยรายละเอียดการจับกุมนั้นจะเป็นอย่างไร ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งพรุ่งนี้จะมีการประชุมในรายละเอียดกันอีกครั้ง

ด้าน นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความ นั้นก็ยังไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดใดทั้งสิ้นเช่นกัน ระบุเพียงว่าขอกลับไปหารือกับทางวัดพระธรรมกายอีกครั้ง


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://news.sanook.com/1996990/

โพสเดียวสยบดราม่า ใหม่ ดาวิกา จัดเต็มใน IG

ใหม่ ดาวิกา

ใหม่ ดาวิกา ออกโรงโพสต์ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ ขอโทษหากสิ่งไหนที่ทำอะไรไม่ถูกใจ

ได้รับสตรอว์เบอร์รี่มากองโตจากเหล่าดีไซเนอร์ไทยสำหรับนางเอกสาวซุปตาร์ ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ ที่เจอดราม่าเข้าเต็มๆ สำหรับเรื่องชุดที่เจ้าตัวใส่ไปร่วมงานเมืองคานส์ที่ผ่านมา

ใหม่ ดาวิกา

โดยคุณหมู พลพัฒน์ เจ้าของแบรนด์ Asava คอมเม้นท์ในเฟซบุ๊กว่า  "ชุดเราหรอเพิ่งรู้วันนี้เอง (รูปสตรอว์เบอร์รี่!!)" ซึ่งมีทีมงานพากันเม้นท์ต่อพร้อมโพสต์รูปภาพสตรอว์เบอร์รี่กันเป็นแถว โดยสาเหตุหลักคาดว่าเป็นเพราะว่าสาว ใหม่ ดาวิกา ไม่ให้เครดิตชุดที่ใส่

ล่าสุด ใหม่ ดาวิกา ไม่รอช้าออกมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความขอบคุณทุกๆฝ่ายที่ดูแลและช่วยเหลือ รวมถึงขอโทษหากทำอะไรไม่ถูกใจ ระบุข้อความว่า...

ใหม่ ดาวิกา

"จบทริป #classicincannes โดย @magnum.th ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณ #MagnumThailand พี่ @jeabsuthipa และทีม #unileverthailand สำหรับโอกาสนะคะ 
และขอขอบพระคุณ @voguethailand และพี่ @kullawit สำหรับคำปรึกษาทุกอย่าง

รวมถึง 2 ดีไซน์เนอร์  พี่หมู @polpatasava  แบรนด์ @asavagroup ในงาน press conferance ช่วงเช้า 
และ พี่แพร @vatanika  แบรนด์ @vatanika_official ในงานexclusive party ช่วงเย็น สำหรับเครื่องแต่งกายที่สวยงามมากๆ

กราบขอบพระคุณทีม #HubHoHin ที่ดูแลและทำให้การถ่ายทำ viral เป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน ขอบคุณพี่ปิ๊ง ผู้กำกับ,พี่เปิ้ล,พี่สีบาน และที่ขาดไม่ได้ทีม #polyplus #พี่ดีดี้ ที่ดูแลและชี้แนะทุกอย่างนะคะ

กราบขอบพระคุณอีกครั้งจากใจจริงคะ ใหม่รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจมากๆที่ได้ร่วมงานกับทุกๆทีมคะ หากสิ่งไหนที่ใหม่ได้ทำอะไรไม่ถูกใจ ใหม่ขอกราบขอโทษ และกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ค่ะ"


อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.posttoday.com/ent/thai/432475